การแต่งกายไทยตามสมัยประวัติศาสตร์และโบราณคดี
ที่มา:www.lib.ru.ac.th
|
ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิง
- ผม ผมทรงสูง เกล้าผมไว้ตรงกลาง
- เครื่องประดับ สวมเครื่องประดับศีรษะ มีรัดเกล้า สวมสร้อยสังวาล รัดแขน กำไลมือ กำไลเท้า ใสตุ้มหู
- เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าถุงยาวแบบต่ำที่ระดับใต้สะดือ มีผ้าคาดทิ้งชายยาว ปล่อยชาย พกห้อยออกมาที่ด้านหน้าเป็นแฉก ไม่สวมเสื้อ มีสไบแพรบางสำหรับรัดอกให้กระชับขณะทำงาน
ลักษณะการแต่งกายของผู้ชาย
- ผม ไว้ผมทรงสูง สวมเครื่องประดับศีรษะ
- เครื่องประดับ สวมกรองคอ สร้อยสังวาล กำไลมือ และกำไลเท้า
- เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าสองชาย จับจีบลงมาเกือบถึงข้อเท้า ด้านหน้าซ้อนผ้าหลายชั้น รัดชายออกเป็นปลีทางด้านข้างคล้ายชายไหวชายแครง มีผ้าข้าวม้าเคียนเอว หรือพาดบ่า อากาศ หนาว จะสวมเสื้อแขนยาว
การฟ้อนเชียงแสนหรือระบำเชียงแสน
ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=fGqH3rHBf3A
ระบำ เชียงแสน เป็นระบำชุดที่ ๔
ประดิษฐ์ขึ้นตามแบบศิลปะ และโบราณวัตถุสถานเชียงแสน นักโบราณคดีกำหนดสมัยเชียงแสน อยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๒๕ ซึ่งได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนภาคเหนือของประเทศไทย
ในสมัยโบราณเรียกว่าอาณาจักรลานนา ต่อมามีนครเชียงใหม่เป็นนครหลวงของอาณาจักร และเป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายหินยานอันเจริญรุ่งเรือง
จนถึงมีพระเถระไทยผู้เป็นนักปราชญ์สามารถ
แต่งตำนาน
และคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นภาษาบาลีขึ้นไว้หลายคัมภีร์ อาทิ
คัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ และมังคลัตถทีปนี
เป็นต้น
ศิลปะแบบเชียงแสนได้แพร่หลายลงมาตามลุ่มแม่น้ำโขงเข้าไปในพระราชอาณาจักรลาว สมัยที่เรียกว่าลานช้าง
หรือกรุงศรีสัตนาคนหุต แล้วแพร่หลายเข้าในประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนด้วยเช่น
พระพุทธรูปบางชนิดที่นักโบราณคดีบางท่านบัญญัติเรียกว่า พระพุทธรูปเชียงแสนแบบลาว
หรือพระลาวพุงขาว ด้วยเหตุนี้ระบำเชียงแสน
จึงมีลีลาท่ารำ และกระบวนเพลงแบบสำเนียงไทยภาคเหนือ
ลาว และแบบไทยภาตะวันออกเฉียงเหนือปนอยู่ด้วย
เครื่องแต่งกาย
๑. เสื้อรัดอกสีเนื้อ
๒. เสื้อลูกไม้สีเหลือง ติดริมด้วยแถบผ้าตาดสีทอง
๓.
ซิ่นเชิงแบบป้ายข้างแถวหนึ่งสีแดง อีกแถวหนึ่งสีตอง
๔. เครื่องประดับประกอบด้วยเข็มขัดมีเชือกห้อยทิ้งชายพู่ลงมาด้านหน้าทั้งสองข้าง
สร้อยคอ ต่างหู กำไลข้อมือ และกำไลข้อเท้า
๕.
แต่งทรงผมตั้งกระบังหน้าประดับขดโลหะสีเงิน เกล้าผมมวย ไว้ด้านหลัง
ติดดอกกล้วยไม้ข้างหูซ้าย
ที่มา:http://www.thaigoodview.com
ที่มา:http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/695/14695/blog_entry1/blog/2008-10-03/comment/328195_images/22_1223230228.gif |
ศิลปะเชียงแสนมีความเกี่ยวพันกับศาสนาพุทธ
นิกายเถรวาท
เมื่อเราย้อนไปดูศิลปะขอมหรือลพบุรีได้อิทธิพลด้านรูปแบบจากขอมในเขมรเพราะเชื้อชาติ
ภูมิศาสตร์และการปกครองซึ่งอยู่ใกล้ชิดกัน ในทำนองเดียวกันศิลปะล้านนาหรือที่เดิมเรียกว่าเชียงแสน
เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า
สมัยราชธานีพุกามค่อนข้างมากด้วยเหตุผลด้านภูมิศาสตร์และการเมืองการปกครองเช่นกัน
เดิมเรามักเรียกศิลปะยุคนี้ว่าเชียงแสนด้วยเข้าใจว่าเมืองเชียงแสนมีความเก่าแก่ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่
๑๗
และมีความสำคัญว่าเป็นเมืองหลักแต่ภายหลังพบว่าความสำคัญไม่เก่ากว่าก่อนพุทธศตวรรษที่
๑๙และเมืองอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าเชียงแสนการเรียกว่าศิลปะล้านนาจึงจะครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า
อย่างไรก็ตามกับพระพุทธรูปก็ยังนิยมเรียกว่าพระเชียงแสนอยู่ดี
ปฏิมากรรม
สำหรับพระพุทธรูปในลัทธิเถรวาทแบบเชียงแสน ซึ่งส่วนมากพบทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้แยกไว้เป็น ๒ รุ่น คือที่มา:http://www.krusism.com |
ที่มา:www.krusism.com |
ในศิลปะแบบเชียงแสนรุ่นหลังหรือเชียงใหม่ มีพระพุทธรูปทรงเครื่องอยู่บ้างเหมือนกัน เห็นจะหมายความว่าเป็นพระอนาคตพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ปางทรงทรมานพระยามหาชมภู (รูปที่ ๓) สันนิษฐานว่าสร้างปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ลงมา พระพุทธรูปทรงเครื่องมักให้ความสำคัญกับการประดับตกแต่งฐานซึ่งค่อนข้างสูงเนื่องจากนอกจากจะมีฐานบัวคว่ำบัวหงายแล้วยังมีฐานรองรับอยู่อีกชั้น ซึ่งเจาะเป็นช่องและน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับศิลปะแบบจีน ในสมัยนี้นิยมสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วและหินสีต่างๆ พระแก้วมรกตก็อาจเป็นพระพุทธรูปที่สลักขึ้นทางภาคเหนือของประเทศไทยในระยะนี้เช่นเดียวกัน แต่บางท่านก็ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในเกาะลังกาหรือประเทศอินเดียภาคใต้ ตามตำนานที่น่าเชื่อถือได้กล่าวว่าได้ค้นพบ พระแก้วมรกตองค์นี้ในพระเจดีย์ที่เมืองเชียงราย เมื่อราว พ.ศ. ๑๙๗๙ และต่อมาได้ตกไปอยู่เมืองลำปาง เมืองเชียงใหม่ และประเทศลาวตามลำดับ จนกระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะทรงพระยศเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในสมัยกรุงธนบุรีเสด็จยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ได้ใน พ.ศ. ๒๓๒๑ จึงได้ทรงนำกลับมายังประเทศไทย พระพุทธรูปแบบเชียงแสนรุ่นหลังได้แพร่หลายออกไปจนถึงเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์ ตลอดจนถึงเมืองเชียงรุ้ง เชียงตุง แต่ฝีมือสู้แบบเชียงแสนในไทยไม่ได้ พระพิมพ์แบบเชียงแสนก็มีเหมือนกัน ส่วนมากหล่อด้วยโลหะ ประติมากรรมรูปเทวดา หรือรูปบุคคล (รูปที่ ๔) ก็มีอยู่เช่นเดียวกันแต่เป็นจำนวนน้อย
สถาปัตยกรรม
ที่มา:http://2g.pantip.com |
สำหรับสถาปัตยกรรมในศิลปะเชียงแสนหรือล้านนานั้น ส่วนมากที่ยังเหลืออยู่ให้เห็นได้เป็นฝีมือในสมัยเชียงแสนรุ่นหลัง คือตั้งแต่ครั้งสมัยพ่อขุนมังรายสร้างนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๔๐ ลงมาทั้งนั้น
สายเจดีย์ทรงปราสาท เจดีย์ทรงปราสาทแบบล้านนาวิวัฒนาการเริ่มราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ และนิยมเรื่อยมาจนกระทั่งอาณาจักรล้านนาเสื่อมอำนาจราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒ เป็นงานที่สืบทอดมาจากสมัยหริภุญชัย(หริภุญชัยราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๘ ซึ่งได้รับอิทธิพลทวาราวดี) ได้แก่เจดีย์ทรงปราสาทในผังสี่เหลี่ยม เช่น พระเจดีย์สี่เหลี่ยม จ.เชียงใหม่ (รูปที่ ๕) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์แบบทวารวดีที่วัดกู่กุฏหรือจามเทวี เมืองลำพูน (รูปที่ ๖) เจดีย์อีกกลุ่มเป็นทรงปราสาทยอดหรือปราสาท 5 ยอดได้รับอิทธิพลจากพุกาม เช่นเจดีย์วัดป่าสัก เมืองเชียงแสนแต่ในสมัยหลังๆได้เปลี่ยนเป็นยอดเดียว สำหรับพระเจดีย์ทรงระฆังมีที่มาจากลังกา ในล้านนารับมา 2 ทางคือจากพุกามและจากสุโขทัยแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากสุโขทัย ส่วนมากองค์พระเจดีย์เป็นทรงกลมแบบลังกา แต่มีฐานสูงย่อมุม พระเจดีย์แบบนี้มีอยู่หลายแห่งทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นต้นว่า พระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง (รูปที่ ๗) พระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน (รูปที่ ๘) เป็นต้น รูปแบบเจดีย์แบบนี้ได้รับความนิยมราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20 และได้สืบทอดเรื่อยมาจนถึงราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 แต่ก็มีบางส่วนที่มีวิวัฒนาการด้านรูปแบบแตกต่างออกไป เช่น นิยมองค์ระฆังและบัลลังก์เหลี่ยมแปดเหลี่ยม สิบเหลี่ยม สิบสองเหลี่ยม เช่นกลุ่มเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพ เป็นต้น
ในบรรดาสถาปัตยกรรมแบบเชียงแสนหรือล้านนามีที่แปลกอยู่แห่งหนึ่ง คือวัดเจ็ดยอดหรือโพธาราม ณ จังหวัดเชียงใหม่ (รูปที่ ๙) เป็นสถาปัตยกรรมที่เลียนแบบมหาวิหารโพธิ์ที่พุทธคยาในประเทศอินเดีย มีผู้พยายามอธิบายว่าได้สร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ. ๑๙๘๕-๒๐๓๑) เพื่อฉลองพระพุทธศาสนาครบ ๒,๐๐๐ ปี ดังกล่าวมาแล้ว สำหรับโบสถ์วิหารในศิลปะแบบเชียงแสนที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันนี้ส่วนมากเป็นสมัยหลัง และเนื่องจากดินแดนทางภาคเหนือของประเทศไทยถูกพม่าเข้าครอบครองระหว่างต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ลงมาจนถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ บรรดาโบสถ์วิหารจึงมีอิทธิพลของศิลปะพม่าเข้าไปปนอยู่
ประเพณีประจำปีของเชียงแสน
งานประเพณีสงกรานต์และแข่งเรือเมืองเชียงแสน
ที่มา:http://student.nu.ac.th |
ที่มา:http://gossipthai.com |
วันปีใหม่ไทยเป็นประเพณีดั้งเดิมที่สืบเนื่องกันมาอย่ายาวนาน อำเภอเชียงแสนมีการจัดกิจกรรมปีใหม่ 4 ชาติ (ไทย ลาว จีน และพม่า)ภายในงานมีการแข่งเรือ 3 ชาติ (ไทย ลาว-พม่า) ชมการละเล่นพื้นเมืองและมหรสพมากมาย รวมถึงการประกวดธิดาสามเหลี่ยมทองคำ ขวบพาเหรดได้ถูกจัดอย่างสวยงามพร้อมกับที่ประชาชนได้สรงน้ำพระพุทธรูปพระเจ้าลานทอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแข่งเรือและการแสดงพื้นบ้าน เมืองเชียงแสนถือเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศารสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอณาล้านนาจักรโบราณ ประเพณีสงกรานต์ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ในทุกวันที่ 13-18 เมษายนของทุกปี ซึ่งถือเป็นการสืบสานประเภทเพณีอันดีงามของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาวและจีนไว้อย่างเป็นเอกลักษณ์ เชียงแสนเป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปทางตอนใต้ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร มีโรงแรมและรีสอร์ทตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขงและเมืองโบราณมีทิวทัศน์ที่สวยงามโดยเฉพาะยามเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก ปัจจุบันพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาและมีชื่อเสียงคือ สามเหลี่ยมทองคำ เป็นพรมแดนรอยระหว่างสามประเทศได้แก่ อำเภอเชียงแสน ประเทศไทย, แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาวและทาขี้เหล็ก ประเทศพม่า เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญเนื่องจากเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว วัดศูนย์กลางของเมืองเชียงแสน เป็นศาสนสถานที่สำคัญสำหรับชาวพุทธเพื่อนมัสการพระพุทธรูปศักสิทธ์เป็นที่เคารพชองชุมชน ในวันปีใหม่ของทุกปี ชาวบ้านจะนำพระพุทธรูปออกจากบ้านมาเพื่อสรงน้ำพระในวัด ในตอนเย็น มีการปิดถนนสายหลักของเมืองเพื่อทำการตั้งร้านค้าขายจำนวนมากให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม เลือกของสวยงาม สองข้างทางเต็มไปด้วยสินค้าที่วางขายเช่น ของพื้นเมือง งานหัตถกรรมและเทศการอาหาร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับอาหารมื้อค้ำในแบบล้านนานที่เรียกกันว่าขันโตกและชมความบันเทิงพื้นบ้าน การละเล่นต่างๆมากมาย
ประเพณีการลอยกระทง
ที่มา:http://www.chiangraifocus.com |
ภายในงานจะมีมหรสพ ดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน การจำหน่ายสินค้าโอทอป มีการประกวดนางนพมาศ การประกวดกระทง การประกวดโคมลอยหรือว่าวไฟ การประกวดโคมแขวน การแข่งขันชกมวยไทย และมีการขายและเล่นประทัดตลอดทั้งงานและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือวันเปิดงานจะมีการแห่ขบวนกระทงทั้งเล็กและใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม คนที่มาร่วมเดินขบวนก็จะแต่งกายแบบย้อนยุคหรือแบบล้านนามาร่วมเดินขบวน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดเมืองเชียงแสนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไหว้พระ ชมเมืองโบราณ ลอยกระทงในแม่น้ำโขง และการปล่อยโคมลอยทั้งมดนี้จะทำให้ได้สัมผัสกับอากาศหนาวๆ บรรยากาศดีๆที่ผืนน้ำเต็มไปด้วยแสงไปจากกระทงท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงไปอันสว่างจากโคมลอย
ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/home/blog_data/788/3788/images/03Newyear/Bee_12.gif |
อ้างอิง http://facstaff.swu.ac.th
How to play the best casino games for real money | AprCasino
ตอบลบOnline casino games 우리 카지노 사이트 are the perfect choice for those who enjoy gambling with real money, whether in casino, poker, or casino games. Read